พระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ พระมหาธาตุคู่พระบารมี รัชกาลที่ 9 และพระราชินี
พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 41.5 ทางด้านซ้ายมือ สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย โดย พระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2530 และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2535 โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล นั้นองค์จะเป็นสีน้ำตาล ส่วนพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ องค์จะเป็นสีม่วงอมชมพู อีกทั้งรอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างสวยงาม
หลังจากกลับลงมาจากกิ่วแม่ปานในช่วงเกือบเที่ยงวัน พวกเราได้แวะกราบไหว้ 2 พระธาตุ นั่นคือพระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ซึ่งประดิษฐานตั้งอยู่ใกล้ๆกับที่ทำการกิ่วแม่ปาน ผู้คนมากราบไหว้กันเย่อะมาก ซึ่งรถที่รอเพื่อจะเข้ามานั้นต่อคิวกันยาว จนด้านในไม่มีที่จอดรถเพียงพอ ทางเจ้าหน้าที่สถานที่ จึงให้จอดด้านนอก แล้วจัดหารถรับส่งนักท่องเที่ยวเข้าไปด้านในเพื่อกราบสักการะพระธาตุ ส่วนรถของพวกเราเป็นชุดสุดท้ายที่ถูกปล่อยให้เข้ามาจอดด้านในได้
ด้านในพระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิรินั้น ร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาชนิด มีทั้งสวนดอกไม้ที่ปลูกประดับมาตั้งแต่ทางเข้า พอมาด้านใน มีแปลงดอกไม้ประดับ ต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งกิ่งสวยงาม อีกทั้งมีต้นไม้ใหญ่และน้ำตกช่วยสร้างบรรยากาศให้สถานที่มีความสวยงามและร่มรื่นด้วยธรรมชาติ
ภายในพระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ ทั้ง 2 องค์นี้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุอยู่บนยอด และมีพระพุทธรูปบูชา แต่ละองค์มีลักษณะที่สูงสง่างดงามตามแบบ..
เราเดินเข้าไปกราบไหว้ในส่วนของพระธาตุนภพลภูมิสิริก่อนเป็นที่แรก ทางขึ้นทั้งสองพระธาตุนั้นมีให้ขึ้นได้สองทาง คือเดินขึ้นทางบันได และ มีบันไดเลื่อนให้ขึ้นได้อย่างเดียว เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินขึ้นบันไดได้ ส่วนพวกเราเลือกเดินขึ้น...
“พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล” มีความหมายว่า “พระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจดดิน” มีความสูง ๖๐ เมตร เพื่อเป็นนิมิตรหมายการสร้างเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระชนมพรรษาครบ ๖๐ พรรษา
ส่วนบริเวณตรงกลางห้องประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า “พระพุทธบรมศาสดา นวมินทรมหาจักรีราชานุสรณ์ สัฐิพรรษาสถาพรพิพัฒน์” อันมีความหมายว่า “พระ พุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมศาสดา สร้างเป็นอนุสรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา”
พระพุทธบรมศาสดา นวมินทรมหาจักรีราชานุสรณ์ สัฐิพรรษาสถาพรพิพัฒน์
เรามากราบไหว้พระพุทธรูปที่พระมหาธาตุนภเมทนีดลเรียบร้อยแล้ว เราเลยเดินขึ้นบันไดเลื่อนซึ่งจะเชื่อมทั้ง 2 พระธาตุ ถึงกันโดยไม่จำเป็นต้องลงบันไดแล้วเดินขึ้นอีกพระธาตุ ส่วนดอกไม้ธูปเทียนที่บูชานั้นตามกำลังศรัทธาของผู้บูชา
บันได้เลื่อนเชื่อม 2 พระธาตุถึงกัน
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ "เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแก่แผ่นดิน"
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงรับและทรงเปิดพระมหาธาตุเจดีย์ ซึ่งได้พระราชทานนามว่า “พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ” (อ่านว่า นะ-พะ-พน-พู-มิ-สิ-ริ) อันมีความหมายว่า “เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน”
รูปทรง ๑๒ เหลี่ยม องค์เจดีย์ประดับโมเสกแก้วสีม่วงอมชมพูสีเดียวกันตลอดทั้งองค์ ที่ส่วนยอดขององค์เจดีย์เป็นยอดปลีล้อมด้วยกลีบดอกบัวตูม ประดับด้วยโมเสกแก้วสีทอง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กั้นด้วยฉัตรสีเงิน ๙ ชั้น
พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ เป็นหนึ่งในพระมหาสถูปเจดีย์ซึ่งประดิษฐานอยู่บนที่สูงที่สุดในพระราชอาณาจักรไทย เคียงคู่กับ “พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล” ภายในเจดีย์มีพระพุทธรูปปางรำพึง ประทับยืนบนดอกบัว ประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็น พระประจำวันศุกร์ อันเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แกะสลักด้วยหินหยกขาว
พระพุทธรูปหินหยกขาวที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดองค์หนึ่ง ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า “พระพุทธสิริกิติฑีฆายุมงคล” มีความหมายว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นสิริมงคล และทรงเจริญพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ”
ล่า " นางพญาเสือโคร่ง " ระหว่างทาง แช่ะ แชะ!!!
หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางต่อ ไปยังน้ำตกวชิรธาร เพื่อไปทานมื้อเที่ยงกัน น้ำตกแห่งนี้เราเคยมาเมื่อต้นปีที่แล้วก็คือ ปี 2016 มาล่าพญาเสือโคร่งที่ขุนช่างเคี่ยน แต่เพื่อนทั้ง 2 ยังไม่เคยมากัน และที่บริเวณรอบๆน้ำตกนั้นมีร้านอาหารหลายร้าน สามารถแวะทานมื้อเที่ยงได้ ในช่วงเวลาที่นั่งรถชมวิวไปเรื่อยๆนั้น ก็ยังเห็นดอกนางพญาเสือโคร่งที่ขึ้นริมทางหลายๆต้นยังมีดอกสีชมพูเต็มต้นอยู่ พี่สาครจึงแวะจอดรถให้พวกเราถ่ายรูปเก็บไว้
เย้!!!.....ปีนี้เราได้ล่าเสือสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
" ซากุระเมืองไทย " หรือนางพญาเสือโคร่ง
น้ำตกวชิรธาร (Wachirathan Waterfall)
ความงามแห่งดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ น้ำตกวชิรธาร เป็นอีกน้ำตกในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นน้ำตกขนาดสูงใหญ่โดยมีความสูงประมาณ 80 เมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ไม่สามารถเล่นน้ำได้ น้ำตกวชิรธารเดิมมีชื่อเรียกว่า น้ำตกตาดฆ้องโยง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จมาทอดพระเนตรน้ำตกวชิรธารถึงสองครั้ง
น้ำตกวชิรธาร อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เป็นน้ำตกที่มีความแรงมาก น้ำกระเซ็นตลอดเวลา ถ้ายืนเป็นเวลานานอาจเปียกได้ แม้จะมีจุดชมน้ำตกให้เราได้ถ่ายรูปกันอย่างใกล้ชิด แต่ก็ควรระมัดระวังในเรื่องของกล้อง เพราะว่ากล้องเราก็แอบเปียกอยู่นิดหน่อย จากการละอองน้ำตก
ถัดจากจุดชมน้ำตกด้านบน จะมาบันไดอีกด้านให้ลงมาเดินเล่นลัดเลาะริมธาร ชมความงามของกระแสน้ำ และสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกจากด้านล่างได้อีกด้วย การเดินลงบันได้ไม้ที่ถูกสร้างไว้นั้น บันไดจะเปียกอยู่ตลอดเวลา จะมีพวกตะไคร่น้ำขึ้นตรงบริเวณบันไดให้ระมัดระวังเวลาเดินลงไปด้านล่าง
จุดหมายปลายทางต่อไปของเราคือ ผาช่อ ((( ช่อ ช่อ ))) (พร้อมเสียงแอ๊คโค่ววว) เส้นทางไปผาช่อ เป็นทั้งดินลูกรัง มีฝุ่นพอสมควรในระยะแรก ต้องหา หน้ากากมาปิดปากปิดจมูกเนื่องจากเราได้อ่านกระทู้มาบ้างจึงเตรียมมากันเพื่อใช้ในการนี้ ฮ้าๆ พอขับมาเรื่อยๆทางจะเริ่มดีขึ้นเป็นถนนคอนกรีตอย่างดี เส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ลงเขาพอสมควร
ผาช่อ (Phachor)
ดอยหล่อ อุทยานแห่งชาติแม่วาง เชียงใหม่ ผาช่อ อยู่ในความดูและของอุทยานแห่งชาติแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝน จนทำให้แผ่นดินที่เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี หรือพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้
" ผาช่อ " มหัศจรรย์ธรรมชาติ
เส้นทางการเดินเท้าเข้าไปชมผาช่อนั้น เต็มไปด้วยก้อนหินก้อนกรวดตลอดทาง ซึ่งเกิดจากปรากฎการทางธรรมชาติ อากาศในช่วงนั้น จะค่อนข้างร้อน เพราะเป็นช่วงเวลาบ่ายแล้ว ประกอบกับสภาพแวดล้อม ต้นไม้เริ่มแห้ง ร่มเงาที่จะให้พวกเราคลายร้อยได้บ้างนั้นแทบไม่มี นึกถึงความเย็น ชุ่มฉ่ำที่น้ำตกขึ้นมาทันที 5555
เส้นทางเดินเท้าไป-กลับ ประมาณ 900 เมตร
: เส้นทางศึกษาธรรมชาติผาช่อ :
ตามทางเดินจะแบ่งเป็นสถานีต่างๆ ตามป้ายบอก มีประมาณ 10 สถานี บอกความเป็นมาและปรากฎการณ์ทางธรรมชาติในบริเวณนั้นๆ เช่น ที่บริเวณจุดหินแม่น้ำ เป็นชั้นดินตะกอนที่มีหินแม่น้ำปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก จะมีลักษณะกลม มน วงรี หินแม่น้ำเหล่านี้เกิดจากการกร่อนทางน้ำ เป็นตะกอนที่ไหลไปตามการพัดพาของทางน้ำ บริเวณพื้นท้องน้ำและด้านข้างของทางน้ำ หรืออาจเคลื่อนที่ชนกันเอง ทำให้หินตะกอนมีขนาดเล็กลงและกลมมน ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเส้นทางเดินของแม่น้ำปิงมาก่อน
ลักษณะของทางเดินนั้นเหมือนว่าเคยเป็นเส้นทางน้ำไหลมาก่อน หินแม่น้ำเหล่านี้ต้องใช้เวลาสร้างสรรค์มากกว่า 5 ล้านปี เดินดูเส้นทางธรรมชาติผาช่อไปเรื่อยๆ จะพบว่า มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ ได้นำหินแม่น้ำมาวางเรียงกันในบางบริเวณพื้นที่ สำหรับให้นักท่องเที่ยวสามารถถอดรองเท้า แล้วเดินเท้าเปล่าผ่านหินแม่น้ำเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี แต่ว่า.....ห้ามใครเก็บหินเหล่านี้กลับบ้านเด็ดขาด เจ้าหน้าจะดำเนินการปรับทันที ซึ่งตามางเดินก็มีป้ายบอกไว้ว่าห้ามเก็บหินแม่น้ำกลับบ้านนะจ้ะ!!!
เมื่อเดินขึ้นม่อนลองแฮงจะเป็นจุดชมวิวผาช่อ
“ม่อนลองแฮง” ทางอุทยานฯทำเป็นบันไดเดินขึ้นไปบนเนินเขาสูงชัน มีลานชมวิวธรรมชาติ และเมื่อมองไปยังเบื้องล่างจะเห็นผาช่อ ตั้งเด่นตระหง่าน สมกับเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางธรรมชาติที่มหัศจรรย์ยิ่งใหญ่มากจริงๆ
ผาช่อ มองจากจุดชมวิว "ม่อนลองแฮง"
เราเดินลงจากจุดชมวิวม่อนลองแฮง เพื่อไปพบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติกันดีกว่า...
ผาช่อ - แกรนด์แคนยอนแม่วาง สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า แกรนด์แคนยอนแม่วาง ลักษณะหน้าผากว้างใหญ่ที่มีลวดลายสวยงามอันเกิดจากการกัดเซาะ กัดกร่อนทั้งจากน้ำและลม ตั้งแต่ปลายยุคเทอร์เชียรี่ประมาณ 5 ล้านปีก่อน
ชื่อ ผาช่อ มาจากลักษณะของหน้าผาที่ดูเป็นช่อเป็นชั้น(ประมาณคล้ายดอกไม้ที่เป็นช่อๆ) ชาวบ้านที่นี่จึงเรียกขานผาดินอันสวยงามแห่งนี้ว่าผาช่อ "ผาช่อ" มีความสูงถึง 30 เมตร กว้างนับร้อยเมตร “เสาโรมัน” แท่งหินสูงที่ถูกกัดเซาะกลายเป็นทรงนี้โดยบังเอิญ จะอยู่บริเวณใกล้เคียงกับผาช่อ
ที่มา
สำนักงานพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
ตำบล บ้านหลวง อำเภอ จอมทอง เชียงใหม่ 50160
โทร.0643544868
ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ illusion.thai@gmail.com