..เส้นทางตามหาความหนาวที่ต้องไปพิชิตสักครั้งในชีวิต!
จาก ตัวเมืองเชียงใหม่ สู่ ยอดดอยอินทนนท์ รวมระยะทางประมาณ 106 กิโลเมตร
รถยนต์ส่วนตัว – จากตัวเมืองเชียงใหม่ ขับไปตาม ทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่-จอมทอง เมื่อถึงอำเภอจอมทองจะมีแยกขวา ให้เลี้ยวขวาเข้า ทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ ระยะทาง 50 กิโลเมตร ก็จะถึงยอดดอยอินทนนท์ รถยนต์ที่สภาพรถดีสามารถขึ้นไปสู่ยอดดอยได้สบาย เพราะถนนลาดยางตลอดสาย และการขับรถยนต์ไปเองก็สามารถแวะเที่ยวตามรายทางได้อย่างสะดวกดีด้วย
รถโดยสารประจำทาง – สามารถนั่งรถสองแถว สายเชียงใหม่-จอมทอง จากประตูเชียงใหม่ มาลงที่อำเภอจอมทอง จากนั้นต่อรถสองแถวที่วินสองแถวหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง รถสองแถวอาจจะออกไม่ตรงเวลา และไม่สามารถแวะเที่ยวตามรายทางได้ การเหมารถเที่ยวจึงเป็นทางออกที่ดี
รถมอเตอร์ไซค์เช่า – วิธีนี้อยากแนะนำ(สำหรับคนที่ขับขี่ได้อย่างแข็งแรง) เป็นวิธีที่ผมใช้อยู่บ่อยๆ เพราะสามารถแวะเที่ยวได้ตามใจต้องการ และ เส้นทางนี้ก็เป็นเส้นทางที่เหมาะกับการขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวมาก อากาศเย็นสบาย สดชื่น สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ ได้สูดอากาศดีๆ บรรยากาศดีมากๆ ซึ่งสามารถเช่ามอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองเชียงใหม่ ได้เลย หรือ ไม่อยากขับขี่ไกล ก็มาหาเช่าที่อำเภอจอมทองเลยก็ได้ ค่าเช่า 200-300 บาทต่อวัน สบายๆ ครับ
ลองไปดูกันดีกว่าครับ ว่าเส้นทางนี้.. มีอะไรให้เที่ยวกันบ้าง?
วัดพระธาตุศรีจอมทอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในเส้นทางนี้เลยครับ บริเวณหน้าวัดเป็นวินรถสองแถวขึ้นดอยอินทนนท์ ใครไม่มีรถ จะมาขึ้นดอยก็ต้องมาติดต่อวินที่นี่ และก็ต้องแวะเข้าวัดไปไหว้พระ เพื่อเป็นสิริมงคลกันเสียก่อน
วัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นพระธาตุประจำปีชวด ยอดดอยจอมทอง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวา มีความพิเศษแตกต่างจากที่อื่นคือ เป็นพระบรมธาตุที่ไม่ได้ฝังใต้ดิน แต่ประดิษฐานอยู่ในกู่ภายในวิหาร สามารถอัญเชิญมาสรงน้ำได้
เมื่อเลี้ยวจากทางหลวงหมายเลข 108 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง-อินทนนท์ มาประมาณ 20 กิโลเมตร(กม.20) สังเกตป้ายทางเข้า น้ำตกวชิรธาร ฝั่งขวามือ แล้วจึงเลี้ยวเข้าสู่ซอยเล็กๆ เป็นทางลาดลงเนินอีกประมาณ 800 เมตร ก็จะมาถึง ตัวน้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ในช่วงที่น้ำหลาก น้ำที่ตกลงมาสู่เบื้องล่างจะแตกกระเซ็นส่งละอองน้ำอันชุ่มฉ่ำไปทั่วบริเวณ แถวนี้มีร้านอาหาร และห้องน้ำ ไว้บริการด้วยนะ
จาก น้ำตกวชิรธาร เลยมาอีกไม่ไกล ก็มาถึง “น้ำตกสิริธาร” (กม.23) เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากผาหินขนาดใหญ่ มีความสูงของน้ำตกประมาณ 50 เมตร น้ำจะไหลลดหลั่นกันลงมาเป็น 2 ชั้นต่อกันอย่างสวยงาม ธรรมชาติโดยรอบก็ดูสดชื่นดี
เมื่อมาถึง กม. 26 ให้สังเกตุฝั่งซ้ายมือ จะเห็นเป็นทุ่งนาที่เป็น นาขั้นบันได ซึ่งถ้าหากมาถูกช่วงก็จะเห็นนาขั้นบันไดที่สวยงามอลังการมาก ซึ่งช่วงดังกล่าวนั้นก็ คือ
## ช่วงเดือน กันยายน – ตุลาคม เป็นช่วงที่ต้นข้าวเขียวขจีขึ้นแน่นเต็มท้องนา
## ช่วงปลายเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน เป็นช่วงที่ต้นข้าวเริ่มออกรวงเหลืองอร่ามเต็มท้องนาสวยงามไปอีกแบบ
และ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาช่วงเวลาดังกล่าว ก็สามารถแวะเข้าไปเที่ยว ไปจิบกาแฟ ไปดูกรรมวิธีชงกาแฟแบบดั้งเดิมสักหน่อยก็ได้ หรือ มีเวลาก็อาจมาพักโฮมสเตย์ นอนเงียบๆ อยู่ที่นี่สักคืนก็ดีไม่น้อยครับ
ที่นี่เป็นเหมือนร้านค้าชุมชน ที่นำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ทั้งผัก ผลไม้ ทั้งของสด และของแห้ง ออกมาจำหน่ายให้ซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน สินค้าที่สามารถเห็นได้ก็เป็นพวกผัก ผลไม้ ตามฤดูกาล ที่น่าสนใจก็คงเป็น สตรอเบอร์รี่ ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวได้เจอแน่นอน และนอกจากนี้ก็อาจจะมีพวกของแปลกตา ของป่าต่างๆ อีกด้วย
โดยส่วนมาก ที่นี่จะแวะ ในตอนขากลับมาจากยอดดอยกันครับ เพราะว่าจะได้ไม่ต้องหิ้วของ หรือ ห่วงพะวงของที่ซื้อมา ซื้อก่อนกลับบ้านกันว่างั้น!
ระยะทางที่เริ่มไต่ระดับความสูงขึ้นมาเรื่อยๆ มาเดินทางมาถึง กม. 40 ก็จะมาถึงสถานที่สำคัญ นั่นก็คือ พระมหาธาตุเจดีย์ นภเมทนีดล – นภพลภูมิสิริ
พระมหาธาตุเจดีย์ นภเมทนีดล – นภพลภูมิสิริ เป็นพระธาตุที่ทางกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ร่วมใจสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา เมื่อปีพุทธศักราช 2530 และเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2535
บรรยากาศโดยรอบบริเวณพระมหาธาตุเจดีย์ทั้ง 2 องค์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างชัดเจน ตรงนี้ชมวิวได้สวยงามมากโดยไม่ต้องเดินไปไหนไกลเลยครับ
มาถึง จุดแวะเที่ยวที่ยอดนิยม อย่าง “กิ่วแม่ปาน” (กม.42) เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น เป็นวงรอบระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ถ้าจะเข้าไปต้องติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทางที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกิ่วแม่ปาน ตรงเริ่มเดินทางเสียก่อน โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเริ่มเข้าในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเดินชมธรรมชาติในอากาศแบบเย็นสบาย
และตรงจุดชมวิว.. ถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น และ ทะเลหมอกที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอย่างมาก
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา หรือ ที่เรียกกันติดปากสั้นๆ ว่า “อ่างกา” เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ใช้เวลาในการเดินชมธรรมชาติไปตามเส้นทางสะพานไม้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็ครบแล้ว ซึ่งระบบนิเวศน์ของที่นี่ก็ไม่เหมือนกับที่ไหน จึงมีความรู้สึกว่าหลุดไปอยู่ในโลกดึกดำบรรพ์กันเลยทีเดียว ได้เห็นต้นไม้แปลกๆ บางชนิดมีรูปร่างประหลาดตา บริเวณนี้อากาศจึงชื้นมาก มองไปทางไหนก็เจอแต่ความเขียวของใบไม้ และ ต้นไม้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยมอส เฟิร์น แลดูเขียวขจีสดชื่นไปหมด
ตรงข้ามกับทางเข้า “อ่างกา” ก็คือ ยอดดอยอินทนนท์ นั่นเอง เป็นจุดสิ้นสุดของ ทางหลวงหมายเลข 1009 ที่เดินทางมากันในเส้นทางนี้
ยอดดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 2,565 เมตร จากน้ำทะเลปานกลาง เป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยและเป็นที่ประดิษฐานสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้าย บรรยากาศที่นี่จึงมีความหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในหน้าหนาว อากาศจะหนาวจัด จนในบางวันสามารถเห็น “เหมยขาบ” หรือ “แม่คะนิ้ง” ตามยอดหญ้าได้เลยครับ
และ มาถึงจุดนี้ต้องไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูปกับป้าย “สูงสุดแดนสยาม” และ “หมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยาม” เป็นที่ระลึกว่าได้เดินทางมาถึง.. จุดสูงสุดของประเทศไทยแล้ว!!
เครดิตข่าว chailaibackpacker
สำนักงานพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
ตำบล บ้านหลวง อำเภอ จอมทอง เชียงใหม่ 50160
โทร.0643544868
ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ illusion.thai@gmail.com